1. เอาไปซื้อเบียร์ดื่มให้หมด
เงิน 10,000 บาท เอาไว้ซื้อเบียร์ดื่มคนเดียว ไม่แบ่งใคร โดยเงิน 10,000 บาท จะซื้อเบียร์ได้ประมาณ 17 ลัง ลังละ 12 ขวด ได้ทั้งหมด 204 ขวด ถ้าดื่มวันละขวดตอนเย็น ก็ได้ถึง 204 วัน นั่นกินเวลากว่า 7 เดือน เราดื่มเบียร์ฟรีวันละขวด (ฟรีอะไรวะ ซื้อมาแล้ว 555) หรือถ้าดื่มวันละ 2 ขวด ตอนเย็น ไม่ก็เอาแหวกแนวหน่อยตื่นมาก็ดื่มขวดนึง ก่อนนอนอีกขวด ก็ได้ 102 วัน หรือประมาณ 3 เดือนกว่า ๆ สบายตัว
2. ซื้อข้าวสารอาหารแห้ง
ไปเวย์ใช้ประโยชน์ เวย์มีสาระซะแล้ว เอาจริง ถ้าเราเอาเงิน 10,000 บาท มาบริหารจัดการเรื่องการกินอาหาร ให้ไม่ต้องซื้อไปอีกนาน คิดแบบหยาบ ๆ เร็ว ๆ ซื้อข้าวตราฉัตรสัก 3 กระสอบ เป็นเงินประมาณ 4,500 บาท ทั้งหมด 135 กิโลกรัม เงินที่เหลือ 5,500 บาทนำไปซื้อปลากระป๋องโรซ่า ฮั่นแน่ กินของดีซะด้วย ไม่ต้องห่วง ผมคำนวณมาให้แล้ว ซื้อได้ 308 กระป๋อง แบบประหยัด ๆ กินวันละ 2 กระป๋อง ได้ถึง 150 กว่าวัน หรือเป็นเวลากว่า 5 เดือนเลยทีเดียว 5 เดือนนะครับ เกือบครึ่งปี อยู่ฟรีกินฟรี หุงข้าวกินกับปลากระป๋องทุกวัน บ้ารึเปล่า (คนเขียนเนี่ย)
3. ลุ้นโชค
ใครบ๊างงง ไม่อยากรวย ทุกคนอยากรวยกันทั้งนั้นแหละ ไม่งั้นจะตื่นแต่เช้ามืดออกไปหาเงินกันทำไม เอางี้ ได้มา 10,000 บาท ตั้งใจอย่างแน่วแน่ เอาล่ะ ใครอยากเป็นเศรษฐี ฉันน่ะสิ ฉันน่ะสิ /ถุย เอาไปซื้อหวยให้หมดครับ อ่านไม่ผิด แต่ซื้อแบบมีกลยุทธนะ กลยุทธที่ว่าคือ ซื้อทุกงวด ไม่ต้องเลือกเลข เพราะแต่ละเลขมีโอกาส (อันน้อยนิด) ที่จะถูกรางวัลเท่ากันหมด และแบ่งซื้องวดละใบ ผ่านแอปเป๋าตังค์ เพื่อหลีกเลี่ยงการซื้อหวยเกินราคาตามแผง โดยกันเงิน 10,000 ส่วนนี้ไว้ซื้อหวยอย่างเดียว เพื่อจะได้ไม่รบกวนเงินส่วนอื่นที่เราจะนำไปใช้จ่ายหรือเก็บออม เงิน 10,000 บาทนั้น เราซื้อหวยได้ 125 ใบ ซื้องวดละใบ ใช้ซื้อได้เป็นเวลา 5 ปีกว่า ๆ ด้วยกัน ได้ลุ้นทุกงวด โดยโอกาสถูกหวยรางวัลที่ 1 (รางวัลอื่นปล่อยผ่านครับ กระจอก) ปกติ 1 จากใน 1,000,000 หรือเท่ากับ 0.0001% ก็จะเพิ่มขึ้นเป็น 0.0125% ไม่น้อยเลยนะ (เหรอวะ?) รางวัลใหญ่ ไม่ไกลเกินเอื้อม
4. นำไปลงทุนหุ้น
เฮ้ย บ้า เงินแค่นี้จะเอาไปลงทุนได้ไง เหมือนน้ำหยดนึงในทะเล ไม่มีคุณค่า เออ งั้นไม่เขียนละ จบบทความเลยดีกว่า แฮร๊!! ใจเย็น ๆ ผมมีอะไรสนุก ๆ ให้ดู เงิน 10,000 บาท ไม่มากหรอก ใช้จ่ายไม่ถึงเดือนก็หมด แต่ถ้าตั้งใจจะเอาไปทำอะไรให้มันงอกเงยล่ะ เคยได้ยินไหมครับว่า การลงทุนประกอบด้วย 3 อย่างด้วยกัน ถึงจะประสบผลสำเร็จ นั่นคือ 1. เงินต้น 2. เวลา 3. ผลตอบแทน ขอเสนอเป็น
1. เงินต้น = 10,000 บาท แต่เติมเพิ่ม เดือนละ 2,500 บาท "ทุกเดือน"
2. เวลา = 10 ปี จากวันนี้ ถึง 10 ปีข้างหน้า สำหรับบางคน มีเวลามากกว่านี้อีก
3. ผลตอบแทน (จากเงินปันผล) = 7% ต่อปี ทบต้น เป็นผลตอบแทนจากเงินปันผลที่หาได้ทั่วไปจากตลาดหุ้นไทย มีเงื่อนไขว่า กระจายซื้อ 3 ตัว คนละอุตสาหกรรม และต้องเอาเงินปันผลไป reinvest นั่นก็คือ ได้ปันผลเท่าไหร่ ต้องเอาไปเติมในพอร์ตให้หมด แล้วเฉลี่ยซื้อหุ้นตัวเดิมที่มีอยู่
เมื่อเวลาผ่านไป 10 ปี เราจะมีเงิน 434,100 บาท โดยเป็นเงินต้น 310,000 บาท (คือเงิน 10,000 บาท กับเงินที่เติม เดือนละ 2,500 บาท) ผลกำไร 124,100 บาท
ตัวเลข 124,100 นี้ บอกอะไร มันบอกว่า เวลา 10 ปีที่ผ่านมาเราได้เงินฟรี ๆ (จริง ๆ ก็ไม่ฟรี) ปีละประมาณ 12,000 บาท และเงินนี้จะเพิ่มมากขึ้นทุกปี
แล้วถ้าเราไม่หยุดแค่ 10 ปีล่ะ แต่ทำแบบเดิม ต่อเนื่องไปถึง 20 ปี พอร์ตเราจะกลายเป็นเท่าไหร่ เฉลย 1,268,000 บาทครับ และ ณ ปีที่ 20 เราจะได้เงินปันผล 88,760 บาท และจะเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ ทุกปี นี่เก็บเงินมาเติมแค่เดือนละ 2,500 บาทเองนะ
ถ้าคิดว่ามันช้า สำหรับตัวเราเอง ลองคิดว่าเก็บเงินนี้ไปเพื่อลูก ถ้าเริ่มทำแบบนี้ตอนลูกเกิด แล้วส่งต่อพอร์ตนี้ไปให้ลูกดูแล และทำเหมือนเดิม ตอนลูกอายุ 20 ลูกจะมีเงิน 1,268,000 บาท ตอนลูกอายุ 30 ลูกจะมีเงินในพอร์ต 2,900,000 บาท ถ้าคิดว่าใช้เวลาที่นาน และได้ผลตอบแทนที่น้อยเกินไป ขอถามหน่อยว่า คนที่อายุ 30+ ที่อ่าน blog อยู่ตรงนี้ ใครมีเงินถึงเกือบ 3 ล้านบาทบ้างครับ แฮร่!!
โดยสรุปแล้ว ขนาดใช้เวลา 30 ปี เพื่อต่อยอดเงิน แต่กลับได้แค่ไม่ถึง 3 ล้าน เพราะงั้นเอาไปซื้อหวย ลุ้น 6 ล้าน เสว ๆ ดีกว่า เผื่อรวย!!